สรุปท้ายบทที่ 12 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นรูปแบบการทำธุรกรรมซื้อ – ขาย
แลกเปลี่ยนสินค้า หรือรบริการะหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
โดยผ่านช่องทางการจำหน่ายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแต่เดิมจะใช้ระบบ DEI หรือ ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทำ
ให้ผู้ค้าทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนเอกสารทางการค้าได้โดยตรงแต่ก็มีความนิยม
ค่อนข้างน้อยเพราะมีค้าใช้จ่ายในการวางระบบและดำเนินงานสูง
ซึ่งมีใช้เฉพาะในวงการอุสาหกรรมบางกลุ่ม หรือการค้าเฉพาะทางเท่านั้น จนกระทั่งอินเทอร์เน็ตมีการใช้งานแพร่หลาย
การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จึงกลายมาเป็นการทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตแทน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ากันมาก
รูปแบบของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่พบเห็นมาสุด สามารถแยกออกได้ 3 รูปแบบ คือ ธุรกิจกับธุรกิจ
(B2B) , ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C) และธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) สำหรับขั้นตอนการค้านั้นประกอบด้วย
การออกแบบและจัดทำเว็บไซต์การโฆษณาเผยแพร่ข้อมูล การทำรายการซื้อขาย
แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 12 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1.ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่นิยมใช้ในพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
มีช่องทางใดบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบมาอย่างน้อย 3 ช่องทาง
ตอบ.
ช่องทางที่พบได้ในการนำมาใช้ทางการค้าแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
พอยกตัวอย่างได้ดังนี้
- ระบบโทรศัพท์บ้าน
ตัวอย่างที่พบเห็นมากที่สุดคือ บริการหมายเลข 1900
ขององค์การโทรศัพท์ที่ผู้ให้บริการจะแจ้งเบอร์หรือหมายเลขให้กับลูกค้าที่
ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมผ่านโทรศัพท์ได้โดยตรง
- ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่
ถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันโดยผู้ใช้สามารถเลือก
ทำรายการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการผ่านมือถือได้ด้วยตนเอง เช่น
จองตั๋วภาพยนตร์หรือดาวน์โหลดริงโทนหรือโลโก้มือถือต่างๆ
- ระบบอินเทอร์เน็ต
เป็นช่องทางการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่พบเห็นได้มากโดยเจ้าของร้านหรือ บริษัท
ผู้ผลิตจะทำเว็บไซท์เพื่อจำหน่ายสินค้าและให้ลูกค้าเลือกซื้อบนหน้าเว็บ
นั้นๆได้เลยทันทีลูกค้าสามารถทำรายการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น
2.จงบอกลักษณะโดยทั่วไปของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ
B2C พร้อมยกตัวอย่างประกอบอย่างน้อย
3 เว็บไซต์
ตอบ. ร้าน
ค้าหรือบริษัทจะเปิดเว็บไซท์ที่มีรูปแบบร้านค้าเสมือนจริง (virtual
store-front) เพื่อให้ลูกค้า
เข้ามาเลือกซื้อได้ด้วยตนเองเสมือนว่าได้เดินเข้ามายังร้านค้านั้นจริงๆ
เมื่อพอใจหรือเลือกสินค้า เสร็จก็สามารถชำระเงินได้ทันที โดยมมักเป็นสินค้าประเภทการจองที่พักโรงแรม
การจองตั๋ว เครื่องบินโดยสารการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆเป็นต้น
ตัวอย่างของเว็บไซท์เหล่านี้ เช่น
- www.kwangham.com
- www.hammax.com,www.toesu.com
- www.pamanthai.com
3.การประมูลสินค้าออนไลน์
จัดอยู่ในพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบใด จงให้เหตุผลประกอบ
ตอบ.
แบบ ผู้บริโภคกับผู้บริโภคหรือ C2C เนื่องจากเป็นการซื้อขายสินค้าที่ผู้บริโภคด้วยกันเอง
นำเอาสินค้าที่ต้องการประมูลมาเสนอหรือติดต่อเพื่อทำการค้าเองโดยตรง
โดยปิดประกาศประมูลสินค้ากับเว็บไซท์ผู้ให้บริการเมื่อตกลงในรายละเอียด
สินค้าและวิธีการชำระเงินก็สามารถจัด ส่งของให้กับผู้ที่ชนะประมูลได้ทันที
4.วัตถุ ประสงค์ของ E-Government คืออะไร
แตกต่างจากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบอื่นอย่างไรบ้าง
จงยกตัวอย่างบริการที่นักศึกษารู้จักมาอย่างน้อย 2 ตัวอย่าง
ตอบ.
รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์หรือ electronic government เป็นการบริการของภาครัฐที่นำเสนอการให้
บริการกับประชาชนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
ตลอดจนใช้เป็นแหล่งข้อมูลกลางสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของ
รัฐด้วยกันเองไม่ได้มุ่งเน้นหรือแสวงหากำ ไรเหมือน
กับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบอื่นๆ ที่พบเห็นโดยทั่วไป เช่น
- ระบบประตูสู่การบริการภาครัฐหรือ TGW
(Thailand gateway)
- บริการเสียภาษีของกรมสรรพากรผ่านเว็บไซต์
- ระบบการตรวจสอบข้อมูลการเลือกตั้ง
5.Shopping cart คืออะไร
จงอธิบายลักษณะการทำงานพอสังเขป
ตอบ.
โปรแกรม บนเว็บที่เขียนขึ้นเสมือนเป็นรถเข็นสินค้าจริงที่จัดไว้ให้ลูกค้าเลือกใช้
งาน หากอยากได้สินค้าชิ้นใด
ลูกค้าสามารถคลิกเลือกกดปุ่มเพื่อจับใส่เข้าไปในรถเข็นนั้นได้จนกว่าจะพอใจ
แล้วทำการยืนยันการชำระเงินเพื่อออกจากระบบได้
เหมือนกับที่ไปเลือกซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อเลือกและหยิบใส่รถ
เข็นจนพอใจแล้ว จึงค่อยมาชำระเงินตรงทางออก เป็นต้น
6.นักศึกษาคิดว่า
เหตุใดจึงต้องมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยและจะใช้วิธีอะไรได้บ้าง
ตอบ. เนื่อง
จากในระหว่างการทำธุรกรรมโดยใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตบนอินเทอร์เน็ตนั้น
อาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีลักลอบเอาข้อมูลไปใช้ให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของบัตร ได้
โดยเฉพาะกับข้อมูล ที่สำคัญๆหากไม่มีการป้องกันที่ดีพอ
อาจทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจที่จะทำรายการซื้อขายผ่านเว็บไซท์นั้นๆได้
ผู้ขายหรือเจ้าของเว็บไซท์เอง
จึงควรมีวิธีการป้องกันที่ดีพอโดยเลือกการเข้ารหัสข้อมูล ที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือ
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ามีความปลอด ภัยในระดับหนึ่ง
ซึ่งข้อมูลทุกอย่างที่ทำธุรกรรมจะมีการเข้ารหัสข้อมูลก่อนที่จะส่งข้อมูลไป
บนอินเทอร์เน็ต ทำให้ยากต่อการแกะหรือถอดข้อมูลมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
7.จงอธิบายลักษณะสินค้าแบบ hard goods และแบบ
soft goods มาพอเข้าใจ
ตอบ.
แบบ Hard goods จะเป็นสินค้าที่สามารถจับต้องได้
และต้องจัดส่งสินค้าโดยการใช้บริการของผู้ให้บริการขนส่งไปรษณีย์หรือพัสดุ
แต่สินค้าแบบ soft goods มักเป็นสินค้าที่ไม่สามารถจับต้องได้และโดยมากมักอยู่ในรูปแบบดิจิตอลเช่น
เพลง ภาพยนตร์ ซอฟท์แวร์ โลโก้หรือริงโทนมือถือ เป็นต้น
8. ท่านคิดว่าบริการหลังการขาย
มีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ. มี
ความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
ทำให้เกิดการซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำและแนะนำบอกต่อไปอีก
มักนำไปใช้กับสินค้าที่มีการใช้งานยุ่งยาก ซับซ้อนหรือไม่สามารถเข้าใจได้ทันที
โดยมีผู้ชำนาญการหรือเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์
บางบริษัทอาจมีศูนย์ช่วยเหลือลูกค้ามาช่วยในการดูแลลูกค้าหลังการขายสินค้า ไปแล้ว
9.จงยกตัวอย่างวิธีการชำระเงินบนอินเทอร์เน็ต
มาอย่างน้อย 2 ตัวอย่างพร้อมอธิบายประกอบ
ตอบ. ตัวอย่างการชำระเงินบนอินเทอร์เน็ต
เช่น
- ชำระด้วยบัตรเครดิต
เป็นวิธีที่นิยมกันมากที่สุดในขณะนี้ ผู้ใช้เพียงแค่ป้อนชื่อเจ้าของบัตร
หมายเลขบัตรวันหมดอายุและรหัสบัตรส่วนที่อยู่ด้านหลัง
ลงในแบบฟอร์มของทางร้านค้าหรือผู้ให้ บริการรับชำระเงินบนแบบฟอร์มที่เตรียมไว้ให้
แล้วทำการยืนยันการชำระเงินก็สามารถจ่ายชำระค่าสินค้าหรือบริการได้ทันที
- ชำระด้วยเงินสดดิจิตอล
เป็นวิธีการที่นำมาทดแทนการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยต้องจ่ายเงินจริงสำรองไปก่อน
เพื่อแลกกับมูลค่าวงเงินที่จะใช้สำหรับซื้อสินค้า
เมื่อต้องการจ่ายเงินก็สามารถจ่ายเงิน
ตามวงเงินที่เหลือได้พอหมดก็ค่อยไปซื้อมูลค่าวงเงินนี้ใหม่
10.
สินค้าประเภทซอฟต์แวร์มีวิธีการส่งมอบได้อย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ.
นิยม ให้ลูกค้าทำการดาวน์โหลดได้เลย ซึ่งอาจมีการจำกัดหรือวางเงื่อนไขในการดาวน์โหลดได้เช่น
จำกัดจำนวนครั้ง จำนวนวันหรือจำกัดทั้งสองรูปแบบ โดยใส่รหัสผ่านที่ได้รับจากผู้ขาย
ปกติจะพยายามทำให้ขนาดไฟล์ดิจิตอลเหล่านี้มีขนาดที่เล็กลง โดยใช้โปรแกรมบีบอัดไฟล์
บางประเภทหรือปรับขนาดให้เล็กลงเมื่อเป็นไฟล์เพลงหรือไฟล์เสียง เช่น
อยู่ในรูปแบบของMP3เป็นต้น
นอกจากนั้นอาจให้ลูกค้าเลือกได้ว่าจะดาวน์โหลดด้วยการเชื่อมต่อด้วยความเร็ว
แบบใดเป็นต้น
ที่มา
จากหนังสือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น