สรุป
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ ระบบที่มีการนำเอาคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพื่อสามารถแลกเปลี่ยน
ข้อมูลข่าวสารรวมถึงการใช้ทรัพยากรบางอย่างของระบบร่วมกันได้ ประเภทของเครือข่ายมี
2
ลักษณะ คือ แลน เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันในระยะจำกัด
และแวนเป็นการเชื่อมต่อแวนในที่ต่างๆเข้าด้วยกันผ่านระบบสื่อสารอื่นๆ
เครือข่ายแบบไร้สาย คือ เครือข่ายที่อาศัยคลื่นวิทยุในการรับส่งข้อมูลซึ่งมีประโยชน์คือไม่ต้องเดินสายเหมือนแวนแบบอื่น เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือที่ซึ่งไม่สะดวกเดินสาย แต่จะทำความเร็วได้ต่ำกว่าแบบใช้สายหลายเท่า การแบ่งหน้าที่ในการทำงานของคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย มี 2 แบบใหญ่ๆคือ Peer-to-peer ซึ่งทุกเครื่องจะมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันและแบบ server-vases ซึ่งมีบางเครื่องทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์หรือผู้ให้บริการแก่เครื่องอื่นหรือที่เรียกว่า ไคลเอนด์
เครือข่ายแบบไร้สาย คือ เครือข่ายที่อาศัยคลื่นวิทยุในการรับส่งข้อมูลซึ่งมีประโยชน์คือไม่ต้องเดินสายเหมือนแวนแบบอื่น เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือที่ซึ่งไม่สะดวกเดินสาย แต่จะทำความเร็วได้ต่ำกว่าแบบใช้สายหลายเท่า การแบ่งหน้าที่ในการทำงานของคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย มี 2 แบบใหญ่ๆคือ Peer-to-peer ซึ่งทุกเครื่องจะมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันและแบบ server-vases ซึ่งมีบางเครื่องทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์หรือผู้ให้บริการแก่เครื่องอื่นหรือที่เรียกว่า ไคลเอนด์
แบบฝึกหัดท้ายบทที่9
1.นักศึกษาคิดว่าเหตุใดจึงต้องนำเอาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการทำงาน
ตอบ
เพื่อช่วยให้การทำงานมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
การนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายจึงทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันทำได้ง่ายมากขึ้นผู้ใช้งานในระบบเครือข่ายสามารถ
ติดต่อถึงกันได้ทันที ลดข้อจำกัดเรื่องของเวลาและสถานที่ลงไปได้
2.ระบบเครือข่ายมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง
จงยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ ข้อดี
คือสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกันได้เช่นเครื่องพิมพ์หรือพื้นที่ในฮาร์ดดิสนอก
จากนั้นไฟล์ข้อมูลที่จำเป็นก็สามารถเรียกใช้งานได้จากหลายๆ
เครื่องหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันก็ทำได้โดยง่าย ข้อเสียของระบบเครือข่ายอาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน
เช่น
เรียกใช้ข้อมูลได้ช้าเพราะข้อจำกัดของสายของเครือข่ายที่ทำได้ช้ากว่าสายต่อภายในเครื่อง
และยากต่อการควบคุมดูแล เพราะมีผู้ใช้งานหลายคนร่วมกัน
ข้อมูลอาจไม่สามารถใช้งานได้ทันที หากผู้ใดผู้หนึ่งเรียกใช้ข้อมูล อยู่เป็นต้น
3.สายเคเบิลที่ได้รับความนิยมอย่างแพรหลายมากที่สุดคือสายชนิดใด
จงบอกถึงลักษณะโดยทั่วไปของสายดังกล่าว
ตอบ สายแบบ UTP หรือแบบไม่มีฉนวนหุ้ม
ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะมีราคาถูก และติดตั้งได้ง่าย
เป็นสายขนาดเล็กคล้ายสายโทรศัพท์มี 8 เส้น ตีเกลียวกันเป็นคู่ๆ เพื่อลดสัญญานรบกวน
การเดิน- สายต้องจากเครื่องเข้าหาอุปกรณ์รวมสายหรือ HUB เท่านั้น
4.จงอธิบายวิธีการทำงานแบบ CSMA/CD ที่ใช้ในระบบเครือข่าย
มาพอเข้าใจ
ตอบ
วิธีการนี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะคอย "ฟัง" ว่าสายว่างหรือไม่
ถ้าพบว่าสายว่างก็จะเริ่มส่งสัญ- ญาณออกมาซึ่งถ้าสายว่างจริงข้อมูลก็จะส่งไปถึงผู้รับได้เลย
แต่การเริ่มส่งสัญญาณนี้อาจเกิดขึ้น จากหลาย ๆ สถานีฟร้อมกันได้ เพราะต่างคนต่าง
"ฟัง" และเข้าใจว่าสายว่างพร้อมกันผลก็คือสัญ-ญาณที่จะได้จะชนกันในสาย
ทำให้ข้อมูลใช้ไม่ได้ ดังนั้นเครื่องแต่ละเครื่องจึงต้องสามารถตรวจจับการชนกันของข้อมูลได้ด้วย
เมื่อเครื่องที่ส่งข้อมูลออกมาชนกัน ก็ให้หยุดส่งและรอโดยนับถอยหลัง
ตามเวลาที่สุ่มขึ้นมาซึ่งจะแตกต่างกันระหว่างแต่ละเครื่อง
แล้วค่อยส่งข้อมูลออกมาใหม่
5.จงสรุปความหมายของ Server และ
Client มาพอเข้าใจ
ตอบ – Server คือเครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลสำหรับเครื่องอื่น
ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายมักมีหน้าที่และชื่อที่เรียกแตกต่างกันแล้วแต่การให้บริการ
เช่น Mail server,File server,Web server Pint server,Database server เป็นต้น
- Client คือเครื่องลูกข่ายที่อยู่ในระบบ มีหน้าที่ร้องขอหรือเรียกใช้บริการจากเครื่องแม่ข่ายเมื่อทำงานหรือขอข้อมูลบางอย่างนั้นเอง
6.HUB คืออะไร
เอามาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรกับระบบเครือข่าย
ตอบ
ตัวรวมสายซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากในการต่อ LAN โดยสามารถโยบย้ายสาย
สลับเครื่องหรือ เพิ่มจำนานเครื่องได้ เนื่องจากสายทั่งหมดจากทุกเครื่องจะลากมารวมอยู่ที่เดียวกันหมด
โดยเรา อาจทำเป็นตู้หรือห้องเพื่อไว้เก็บสายด้วยก็ได้
อาจมีจำนวนพอร์ตเพื่อใช้สำหรับต่อสายต่างกันได้ในแต่ละตัวเช่น 5,8,10,16,24
พอร์ตหรือมากกว่านั้นเป็นต้น
7.จงยกตัวอย่างมาตรฐานของ Ethernet ความเร็วสูงพร้อมทั้งอธิบายมาพอเข้าใจ
ตอบ มาตรฐานของ
Ethernet ความเร็วสูง มีดังต่อไปนี้
-1000Base-T เป็นระบบที่พัฒนาต่อจาก
Ethernet โดยใช้สายที่ดีขึ้นกว่าเดิมคือสาย UTP แบบ
Category5
หรือดีกว่า การต่อนั้นใช้ HUB ที่ทำมาให้รองรับความเร็ว
100 Mbps ด้วยเท่านั้น
- Gigabit Ethernet หรือเรียกกันเป็น
1000 Base-T (สาย UTP) หรือ
1000 Base-F (สาย Fiberoptic)สามารถ
ส่งข้อมูลได้ในระดับความเร็ว 1000 Mbps หรือ 1 Gbps เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเร็วสูงมาก
เช่น งานกราฟฟิก หรือใช้เชื่อมต่อตรงช่วงที่เข้าเครื่องเซิร์ฟเวอร์เพื่อสามารถรอง
รับงานจากเครื่องอื่นได้มากพร้อมกัน
- 10 Gigabit Ethernet เป็นเทคโนโลยีที่สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่าแบบอื่น
ๆ คือทำได้ถึง 10000 Mbps หรือ10 Gbps นิยมใช้สำหรับเชื่อมต่อกับหน่วยงานขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันระหว่างเมืองหรือ
WAN เป็นต้น
8. จงบอกลักษณะโดยทั่วไปของสายโคแอกเชี่ยล
ตอบ
สายเส้นเดี่ยวแบบที่มีเปลือกเป็นสายโลหะถัก (Shield) เพื่อป้องกันคลื่นรบกวน
โดยมักใช้กับเครือข่ายแบบ Ethernet ดั้งเดิมซึ่งสามารถใช้ต่อเชื่อมระหว่างแต่ละเครื่องโดยตรงในลักษณะที่ไม่ต้อง
มีอุปกรณ์รวมสายเข้ามาช่วย ปัจจุบันเริ่มใช้กันน้อยลงเพราะถูกทดแทนด้วยสายแบบอื่นที่มีราคาถูกและทำความเร็วได้ดีกว่า
9.จงบอกถึงหน้าที่หลักของอุปกรณ์ Route
ตอบ
Router จะทำงานเสมือนเป็นเครื่องหรือ node หนึ่งใน
LAN ที่รับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลายทางที่ต้องการ
หน้าที่หลักของ Router คือหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งต่อข้อมูลต่อไปยังเครือข่าย
อื่นซึ่งอาจใช้สื่อสัญญาณหลายแบบแตกต่างกันได้
โดยมีการแปลงหรือจัดรูปแบบข้อมูลตามแบบ
ที่มาหนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น